วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ด.ช.ธนากร ลีลาอนวัช ม.3/8 เลขที่15

การตั้งแคมป์ในป่า



หลักการตั้งแคมป์พักแรม
1.  ควรกางเต็นท์บนที่ราบเรียบปราศจากของแหลมคม เช่น ตอไม้ที่ตัดไว้ไม่หมด หรือก้อนหินที่มีแง่มีมุม เพราะนอกจากจะนอนไม่เป็นสุขเพราะมีอะไรมาตุงที่แผ่นหลังแล้ว ของแหลมเหล่านั้นอาจจะทำให้พื้นเต็นท์เสียหายเกิดการฉีกขาดได้ หากเราทำเต็นท์ดังกล่าวไปกางในฤดูฝนอาจจะรั่วจนน้ำเข้าจากพื้นล่างได้

2.  ไม่ควรกางเต็นท์บนดอยสูงที่โล่งเตียน ( เช่น บนยอดเชียงดาว, ยอดดอยลังกาหลวง, สันดอยม่อนจอง ) เพราะบนดอยสูงเป็นที่โล่งมีแนวประทะของลม หากเกิดลมกรรโชกแรงหรือเกิดลมพายุ แรงลมจะพัดเต็นท์ให้กระเด็นตกดอยได้ หากจำเป็นต้องกางเต็นท์บนจุดดังกล่าวให้ยึดสายรั้งเต็นท์ด้วยสมอบกที่มั่นคงกว่า สมออย่างที่ใช้ๆ กันอยู่ หรืออาจจะทำให้เต็นท์หนักด้วยการที่คนเข้าไปนอนหรือใช้ก้อนหินใหญ่ๆ ใส่ไว้ในเต็นท์เพื่อทำให้เต็นท์มีน้ำหนัก ตามลำพังน้ำหนักเป้ที่ใส่ไว้ในเต็นท์กับสมอบกที่ยึดเต็นท์ไว้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เต็นท์มั่นคงเมื่อโดนแรงลม ไม่ใช่มัวแต่ไปถ่ายรูปพอวิ่งกลับมาเต็นท์ลอยหายไปแล้ว ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นแล้วกับนักเดินทางรุ่นก่อน ถึงแม้จะมองว่าเป็นเรื่องตลกไม่น่าเป็นไปได้แต่มันเป็นไปได้จริงๆ

3.  ถ้าต้องการกางเต็นท์ในป่าโปร่งอย่างเช่น ภูสอยดาว หรือ ทุ่งแสลงหลวง  ไม่ควรกางเต็นท์ใต้ต้นไม้เพราะเมื่อเกิดพายุในยามค่ำคืนที่เรานอนหลับสบาย อาจมีกิ่งไม้หักหล่นทับเต็นท์เราได้ ควรจะเปลี่ยนตำแหน่งไปกางเต็นท์นอกแนวของต้นไม้ 
แต่ถ้ากางเต็นท์ใต้ต้นไม้ในป่าทึบ อันนี้กางได้ไม่มีปัญหาแต่ประการใด เพราะต้นไม้ในป่าทึบที่มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น ต้นไม้เหล่านั้นจะไม่ล้มลงมาง่ายดายเพราะมีป่าเป็นแนวป้องกันแรงประทะของลมและยังมีเถาวัลย์โยงใยยึดเกี่ยวกันไปมาซึ่งนี่เป็นความมั่นคงที่ธรรมขาติได้สร้างขึ้น

4.  อย่ากางเต็นท์ริมลำธารในช่วงฤดูฝนหรือใกล้ฤดูฝน ลำธารในป่าใหญ่อาจจะมีพื้นหาดทรายที่ราบเรียบเหมาะแก่การตั้งแคมป์พักแรมเป็นอย่างยิ่ง แต่ใครจะรู้ว่าคืนนี้จะมีน้ำป่ามาเยือนหรือเปล่า หากมีฝนตกหนักน้ำจะไหลแรงมาก แล้วถ้าหากมีน้ำป่าไหลลงมา แรงน้ำนั้นจะพัดพาทั้งคนและเต็นท์ไปกับสายน้ำ

5.  อย่ากางเต็นท์ในจุดที่เป็นแอ่งกะทะในช่วงที่อาจมีฝนตก เพราะที่ราบที่เราเห็นถึงแม้จะไม่มีน้ำขังแต่ถ้าหากมีฝนตกในวันนั้นหรือค่ำคืนนั้น น้ำฝนจะไหลมารวมกันยังพื้นที่ๆ ต่ำกว่า และอาจจะท่วมขังสูงเกินกว่าที่เต็นท์จะป้องกันไว้ได้ ทางที่ดีที่สุดควรเลือกจุดที่เป็นเนินดินที่สูงกว่าบริเวณจุดกางเต็นท์ บนภูกระดึงถึงแม้เราจะมองดูว่าราบเรียบ แต่จริงๆ แล้วมีบางพื้นที่ๆ เป็นที่ราบลุ่ม เห็นแห้งๆ อย่างนั้นแต่เมื่อมีฝนตกมีจะน้ำไหลมารวมกันเหมือนกับเรากางเต็นท์อยู่ในแหล่งน้ำ ถึงแม้จะไม่ท่วมแต่มันก็เฉอะแฉะน่ารำคาญ  หากเป็นพื้นที่ๆ เป็นเนิน น้ำจะไหลผ่านไป พอฝนหยุดตกแดดออกไม่นานพื้นก็แห้ง แต่ที่ลุ่มจะท่วมขังอยู่อย่างนั้นเป็นวันๆ

6.  อย่ากางเต็นท์ในพื้นที่เนินที่เป็นแนวน้ำไหล อันนี้ต้องพิจารณาด้วยตาตนเองว่าแบบไหนเป็นแนวน้ำไหล ภูเขาย่อมไม่ราบเรียบ ทุกที่ทุกแห่งมีลักษณะเป็นเนิน เนินทุกเนินจะรับน้ำเมื่อมีฝนตก น้ำนั้นจะไหลมารวมกันไหลลงสู่ทางที่ลาดลง หากเราเห็นราบๆ ลาดชันนิดๆ พอนอนได้ หากมีฝนตกหนักอาจจะมีปริมาณน้ำจำนวนมากที่ไหลมารวมกันไหลผ่านเต็นท์ อาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้

7.  ไม่กางเต็นท์ขวางทางเดินสัตว์ เราอาจเห็นพื้นที่ราบๆ เป็นร่องทางเดินที่ไม่มีใครเดินมาแล้วเพราะมันมืดแล้ว แต่จริงๆ แล้วอาจจะเป็นเส้นทางที่สัตว์ใช้เดิน สัตว์จะเดินออกหากินในตอนกลางคืนเต็นท์ของท่านอาจจะถูกทำลายได้ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น